บริการแช่แข็ง
การแช่แข็ง
ในการรักษา IVF หรือ ICSI อาจเกี่ยวข้องกับการเก็บรักษาเซลล์สืบพันธุ์ด้วยกระบวนการแช่แข็งที่อุณหภูมิติดลบ เพื่อให้มีการหยุดหรือการคงสภาพไว้ ไม่ให้เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา โดยการแช่แข็ง สามารถทำได้ทั้งในส่วนของการแช่แข็งไข่ สเปิร์ม (อสุจิ) และตัวอ่อน (ปฏิสนธิแล้ว) ซึ่งประโยชน์ของการแช่แข็ง นอกจากจะคงสภาพของเซลล์สืบพันธุ์ไว้ได้แล้ว ในกรณีของการแช่แข็งตัวอ่อน ยังสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายสำหรับคนไข้ที่ประสงค์จะมีบุตรเพิ่มในอนาคต หรือ กรณีที่การรักษาในรอบนั้นไม่ประสบผลสำเร็จ จากการนำตัวอ่อนที่แช่แข็งไว้ มาย้ายเข้าสู่โพรงมดลูก ไม่ต้องเริ่มกระบวนการใหม่ทั้งหมด
ทำไมการแช่แข็งเซลล์สืบพันธุ์ถึงได้รับความนิยมมากขึ้น?
ปัจจุบัน กลุ่มคนวัยทำงานมีแนวโน้มของการมีครอบครัว หรือการแต่งงานช้าลง ซึ่งอาจทำให้ภาวะเจริญพันธุ์เสื่อมถอยลงตามวัยที่เพิ่มมากขึ้น โดยท้ายที่สุดแล้ว อาจทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากได้ในภายหลัง การรักษาคุณภาพของไข่ หรือ สเปิร์ม ให้คงไว้ ณ ช่วงวัยที่ร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง จึงเป็นทางเลือกหนึ่งของกลุ่มคนที่วางแผนจะมีครอบครัวภายในอนาคต รวมถึงกลุ่มคนที่มีปัญหาสุขภาพบางประการที่มีความประสงค์จะเก็บรักษาเซลล์สืบพันธุ์ของตนเองไว้
การแช่แข็งไข่/ สเปิร์ม มีประโยชน์อย่างไร?
คุณสมบัติของการแช่แข็ง ก็คือการเก็บรักษา และคงสภาพ ดังนั้น คุณภาพของเซลล์สืบพันธุ์ที่ได้รับการแช่แข็ง จะมีอายุคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เช่น สุภาพสตรีท่านหนึ่ง ตัดสินใจทำการเก็บไข่ และแช่แข็งไข่เหล่านั้นไว้ ณ อายุ 27 ปี เนื่องจากวางแผนที่จะมีครอบครัว มีบุตรในอีก 5 ปีข้างหน้า เมื่อสุภาพสตรีท่านนั้นอายุได้ 32 ปี ก็จะใช้ไข่ที่มีคุณภาพตามอายุ 27 ปี โดยนำไข่ดังกล่าวไปปฏิสนธิ และย้ายเข้าสู่โพรงมดลูก ดังนั้น การแช่แข็งไข่ หรือแม้กระทั่งสเปิร์ม จะช่วยแก้ไขปัญหาภาวะมีบุตรยากอันเนื่องจากวัยที่เพิ่มขึ้นได้ เพราะเซลล์สืบพันธุ์ที่ใช้ในกระบวนการปฏิสนธิ ได้ถูกเก็บรักษาไว้โดยไม่มีผลกระทบจากปัจจัยของเวลา
การแช่แข็งไข่/สเปิร์ม ควรอยู่ในช่วงอายุเท่าใดถึงจะเหมาะสม?
จากข้อมูลทางการแพทย์ พบว่า ผู้หญิงในช่วงอายุระหว่าง 20 – 30 ปี จะเป็นวัยที่มีร่างกายแข็งแรง และเป็นช่วงที่เซลล์สืบพันธุ์ (ไข่) มีคุณภาพดีที่สุด และถ้าหากอายุเกิน 35 ปี ทารกในครรภ์อาจมีความเสี่ยงของความผิดปกติทางร่างกาย หรือสมอง อันเนื่องมาจากอายุของมารดาที่มากขึ้น (MATERNAL AGE RISK) ในขณะที่ผู้ชาย ข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่า เมื่ออายุย่างเข้า 32 ปี สเปิร์มจะลดน้อยลง รวมไปถึงการเคลื่อนไหวของสเปิร์มก็จะช้าลงด้วย อีกทั้งสเปิร์มอาจมีรูปร่างไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าอายุก่อนวัย 30 ปี ดังนั้น ทั้งสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ หากมีแผนที่จะใช้บริการแช่แข็งไข่/สเปิร์ม ควรตัดสินใจก่อนที่อายุจะเพิ่มมากขึ้น
มีคำแนะนำอะไรก่อนที่จะตัดสินใจใช้บริการแช่แข็งไข่/สเปิร์มไหม?
-
สุขภาพร่างกายของคนแต่ละคนมีความแตกต่างกัน และปัญหาของสุขภาพบางอย่างไม่แสดงออกให้เห็นจากภายนอก ดังนั้น ผู้ที่สนใจในบริการแช่แข็งไข่หรือสเปิร์ม ควรหมั่นตรวจสุขภาพร่างกาย เช่น การตรวจสุขภาพประจำปี โดยคุณผู้หญิงสามารถตรวจเลือดเพื่อทราบค่าของฮอร์โมน AMH (ANTI- MÜLLERIAN HORMONE) ที่บ่งบอกถึงความสามารถในการทำงานของรังไข่ ในเชิงปริมาณ (OVARIAN RESERVE) หรือบอกจำนวนไข่ที่คนไข้ฝ่ายหญิงสามารถผลิตได้ (ANTRAL FOLLICLES) และคุณผู้ชายสามารถตรวจคุณภาพของน้ำเชื้อได้จากการทำ Sperm Analysis Test
-
หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย พักผ่อนให้เพียงพอ งดหรือเลิกสิ่งที่ส่งผลต่อคุณภาพของไข่/สเปิร์ม อย่างเช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่
ขั้นตอนของการแช่แข็งไข่/สเปิร์ม เป็นอย่างไร?
-
ขั้นตอนของฝ่ายหญิง มีระยะเวลา และมีความซับซ้อนกว่าฝ่ายชาย โดยฝ่ายหญิงจะเข้าสู่กระบวนการของการกระตุ้นรังไข่ด้วยการฉีดยาบริเวณหน้าท้อง 8-10 วัน หลังจากนั้นแพทย์จะกำหนดวันของการเก็บไข่ (OVUM PICK UP) เมื่อขนาดของไข่ รวมถึงระดับฮอร์โมนอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม โดยภายหลังจากกระบวนการเก็บไข่สิ้นสุดแล้ว จะนำไข่ที่เก็บได้ไปทำการแช่แข็ง ในขณะที่การเก็บสเปิร์ม ใช้วิธีการหลั่งตามธรรมชาติ และนำสเปิร์มที่ได้ไปแช่แข็ง